02 May : ถึงญี่ปุ่นเข้าที่พัก, กินราเม็งเทพ, Nezu Shrine

เครื่องบินของการบินไทย จะบินมาลงที่ Terminal 1 ของ สนามบินนาริตะนะครับ
หลังจากลงเครื่องบิน ผ่านตม. รับกระเป๋า ผ่านศุลกากร ออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
ฝั่งตรงข้าม จะเจอ Keisei Bus Ticket Sales Counter
การเดินทางภายในโตเกียวครั้งนี้ ผมจะใช้ Tokyo Subway Ticket แบบเหมาจ่าย 3วัน ราคาแค่ 1,500เยน ซึ่งเป็นราคาโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ต้องใช้ติดต่อกันทั้ง3วัน (สามารถซื้อได้ที่เค้าเตอร์นี้) ซึ่ง3วันแรกของผม ผมแพลนที่จะเที่ยวในกรุงโตเกียวทั้งหมด

เค้าเตอร์จำหน่ายตั๋ว
Tokyo Subway 3 Day Ticket

หลังจากนั้นให้เดินเลี้ยวซ้ายลงไปที่ชั้นใต้ดิน เพื่อขึ้นรถไฟ Keisei เข้าเมือง (ลงสถานี Ikebukuro) ราคา 1,200เยน

ภาพจาก Hyperdia
ถายในรถไฟตอนเช้า โล่งมากๆ

เมื่อมาถึงสถานี Ikebukuro แล้ว ก็ค่อยๆลากกระเป๋า เพื่อที่จะเอาไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน ซึ่งโรงแรมที่เราจะพักสำหรับคืนแรกคือ...
Hatoya Hotel

เป็นโรงแรมที่ห้อง(2เตียง)กว้างมากๆ แต่ห้องกับห้องน้ำอาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับราคาครับ
ราคาที่พัก : 7,400เยน / คืน

พิกัดโรงแรม : เดินออกจากสถานี Ikebukuro exit C6 เดินตรงไป ถึงสี่แยกที่ 2ให้เลี้ยวซ้าย เดินไปสุด โรงแรมอยู่หัวมุมขวามือครับ



ด้านหน้าโรงแรม
ภายในห้องนอนกว้างมากๆ

หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเที่ยง
มื้อนี้ ผมตั้งใจโดยเฉพาะ ที่จะไปกินราเม็งที่ผมว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นตั้งแต่ผมเตยกินมาชื่อ Mutekiya Ramen

พิกัดร้าน : จากภายในสถานี Ikebukuro ทางออก Seibu Exit เลี้ยวขวาเดินผ่านประมาณ3-4สี่แยก ร้านจะอยู่หัวมุมทางด้านขวามือ

ด้านหน้าร้าน
ภายในร้าน
มาละครับ Popular Menu ของทางร้าน

สำหรับครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าน้ำซุปค่อนข้างเค็ม ไม่กลมกล่อมเหมือนครั้งก่อนๆที่เคยไปกินมา ไม่รู้ว่าเป็นสูตรใหม่หรือเชฟทำพลาด แต่ความนุ่มและความอร่อยของหมูชาชูยังคงเหมือนเดิม กัดแล้วแทบจะละลายในปากทันที ใครผ่านไปแถวนั้นก็สามารถแวะไปทานกันได้ครับ ^^

*** ในทริปนี้ นอกจากบัตร Tokyo Subway 3 Day Pass ที่เอาไว้เที่ยวในโตเกียวแล้ว
ผมยังแพลนไว้ว่าจะใช้ Pass อื่นๆในการเดินทางอีกได้แก่...
Fuji Hakone Pass : เอาไว้ใช้เดินทางเข้า Kawaguchiko และกลับทาง Hakone (ซื้อที่Shinjuku)
Nikko Pass : เอาไว้สำหรับการไปเที่ยว Nikko (ซื้อที่Asakusa) ***

หลังจากทานราเม็งเสร็จแล้ว ผมตั้งใจที่จะไป Shinjuku เพื่อไปซื้อตั๋ว Fuji Hakone Pass โดยการเที่ยวครั้งนี้ ผมจะเข้าทาง Kawaguchiko โดยรถบัส และกลับทาง Hakone โดยรถไฟ...
เพราะงั้นจึงต้องรีบไปจองที่นั่งรถบัสเข้า Kawaguchiko แต่เนิ่นๆ เพราะเดี๋ยวรอบเช้าๆมันจะเต็ม (นี่ขนาดผมมาจองล่วงหน้าก่อนวันที่จะไป4วัน ยังได้รถบัสรอบเวลา08.10น.ซึ่งเป็นรอบที่4เลยนะครับ - -!!)

โดยที่ Fuji Hakone Pass สามารถซื้อได้ที่ Odakyu Sightseeing Services Center ในสถานี Shinjuku

พิกัดเค้าเตอร์ขายตั๋ว : นั่งรถใต้ดินหรือJRไปลงสถานี Shinjuku แล้วออกทางออก West Exit (เท่านั้น) เดินขึ้นมา1ชั้น จะเจอเค้าเตอร์นี้ตั้งอยู่


หลังจากซื้อ Pass เรียบร้อยแล้ว ผมก็นั่งรถไฟเพื่อจะพาพ่อ-แม่ไป Nezu Shrine
ซึ่งเป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ที่นี่มีสวนดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Azalea ซึ่งจะออกดอกทุกปีในช่วงกลางเมษายนถึงต้นพฤษภาคม ทางศาลเจ้าจึงจัดงานที่เรียกว่า Nezu Shrine Azalea Festival ซึ่งตรงกับช่วงที่ผมไปเที่ยวพอดี
ค่าเข้าชม : 200เยน

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Nezu Exit 1 เลี้ยวซ้าย แล้วเดินตรงไปประมาณ 500เมตร จะเจอซอยทางเข้าสวนครับ

ภาพจาก Hyperdia
คั๋วเข้าชมสวนดอกไม้
ด้านหน้าทางเข้า
ถ่ายรูปหมู่กันซักหน่อย
2นิ้วสู้ตาย
ภายในสวน
ภายในสวน
ภายในสวน
ภายในสวน
ทางเดินเสาโทริอิ

ด้านหลังศาลเจ้า มีเทศกาลคล้ายๆงานวัดบ้านเรา มีของกินมากมาย และเกมส์ต่างๆเยอะแยะเลยครับ

ปลาหมึกสดและอร่อยมาก
มียิงปืนด้วยครับ

หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาพ่อกับแม่นั่งรถไฟกลับที่พักเพราะนอนกันบนเครื่องมาแค่ไม่กี่ชม. ถ้าเที่ยววันแรกเยอะไป อาจจะทำให้ไม่สบายกันได้...

เมื่อถึงที่พัก ก็พักกันประมาณ1ชม. แล้วจึงออกมาเดินสำรวจรอบๆโรงแรมเพื่อหาข้าวเย็นทานกัน
ผมแนะนำให้เดินออกมาหน้าปากซอยของโรงแรม แล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเลี้ยวขวา เดินไปประมาณ 200เมตร ด้านซ้ายจะเป็นถนนโซนร้านอาหารมากมาย เลือกทานได้ตามใจชอบเลยครับ ^^

มื้อเย็น ข้าวหน้าเนื้อย่าง อร่อย ถูก อิ่ม

เมื่อทานกันจนอิ่มแล้ว จึงเดินกลับที่พักเข้านอน zZzZzZ

วันพรุ่งนี้ : ตลาดปลาTsukiji, วัดAsakusa, กินเทมปุระร้อยปี, Tokyo Towe

ไม่มีความคิดเห็น: