หลังจากลงเครื่องบิน ผ่านตม. รับกระเป๋า ผ่านศุลกากร ออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
ฝั่งตรงข้าม จะเจอ Keisei Bus Ticket Sales Counter
การเดินทางภายในโตเกียวครั้งนี้ ผมจะใช้ Tokyo Subway Ticket แบบเหมาจ่าย 3วัน ราคาแค่ 1,500เยน ซึ่งเป็นราคาโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ต้องใช้ติดต่อกันทั้ง3วัน (สามารถซื้อได้ที่เค้าเตอร์นี้) ซึ่ง3วันแรกของผม ผมแพลนที่จะเที่ยวในกรุงโตเกียวทั้งหมด
เค้าเตอร์จำหน่ายตั๋ว |
Tokyo Subway 3 Day Ticket |
หลังจากนั้นให้เดินเลี้ยวซ้ายลงไปที่ชั้นใต้ดิน เพื่อขึ้นรถไฟ Keisei เข้าเมือง (ลงสถานี Ikebukuro) ราคา 1,200เยน
ภาพจาก Hyperdia |
ถายในรถไฟตอนเช้า โล่งมากๆ |
เมื่อมาถึงสถานี Ikebukuro แล้ว ก็ค่อยๆลากกระเป๋า เพื่อที่จะเอาไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน ซึ่งโรงแรมที่เราจะพักสำหรับคืนแรกคือ...
Hatoya Hotel
เป็นโรงแรมที่ห้อง(2เตียง)กว้างมากๆ แต่ห้องกับห้องน้ำอาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับราคาครับ
ราคาที่พัก : 7,400เยน / คืน
พิกัดโรงแรม : เดินออกจากสถานี Ikebukuro exit C6 เดินตรงไป ถึงสี่แยกที่ 2ให้เลี้ยวซ้าย เดินไปสุด โรงแรมอยู่หัวมุมขวามือครับ
ด้านหน้าโรงแรม |
ภายในห้องนอนกว้างมากๆ |
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเที่ยง
มื้อนี้ ผมตั้งใจโดยเฉพาะ ที่จะไปกินราเม็งที่ผมว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นตั้งแต่ผมเตยกินมาชื่อ Mutekiya Ramen
พิกัดร้าน : จากภายในสถานี Ikebukuro ทางออก Seibu Exit เลี้ยวขวาเดินผ่านประมาณ3-4สี่แยก ร้านจะอยู่หัวมุมทางด้านขวามือ
ด้านหน้าร้าน |
ภายในร้าน |
มาละครับ Popular Menu ของทางร้าน |
สำหรับครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าน้ำซุปค่อนข้างเค็ม ไม่กลมกล่อมเหมือนครั้งก่อนๆที่เคยไปกินมา ไม่รู้ว่าเป็นสูตรใหม่หรือเชฟทำพลาด แต่ความนุ่มและความอร่อยของหมูชาชูยังคงเหมือนเดิม กัดแล้วแทบจะละลายในปากทันที ใครผ่านไปแถวนั้นก็สามารถแวะไปทานกันได้ครับ ^^
*** ในทริปนี้ นอกจากบัตร Tokyo Subway 3 Day Pass ที่เอาไว้เที่ยวในโตเกียวแล้ว
ผมยังแพลนไว้ว่าจะใช้ Pass อื่นๆในการเดินทางอีกได้แก่...
Fuji Hakone Pass : เอาไว้ใช้เดินทางเข้า Kawaguchiko และกลับทาง Hakone (ซื้อที่Shinjuku)
Nikko Pass : เอาไว้สำหรับการไปเที่ยว Nikko (ซื้อที่Asakusa) ***
หลังจากทานราเม็งเสร็จแล้ว ผมตั้งใจที่จะไป Shinjuku เพื่อไปซื้อตั๋ว Fuji Hakone Pass โดยการเที่ยวครั้งนี้ ผมจะเข้าทาง Kawaguchiko โดยรถบัส และกลับทาง Hakone โดยรถไฟ...
เพราะงั้นจึงต้องรีบไปจองที่นั่งรถบัสเข้า Kawaguchiko แต่เนิ่นๆ เพราะเดี๋ยวรอบเช้าๆมันจะเต็ม (นี่ขนาดผมมาจองล่วงหน้าก่อนวันที่จะไป4วัน ยังได้รถบัสรอบเวลา08.10น.ซึ่งเป็นรอบที่4เลยนะครับ - -!!)
โดยที่ Fuji Hakone Pass สามารถซื้อได้ที่ Odakyu Sightseeing Services Center ในสถานี Shinjuku
พิกัดเค้าเตอร์ขายตั๋ว : นั่งรถใต้ดินหรือJRไปลงสถานี Shinjuku แล้วออกทางออก West Exit (เท่านั้น) เดินขึ้นมา1ชั้น จะเจอเค้าเตอร์นี้ตั้งอยู่
หลังจากซื้อ Pass เรียบร้อยแล้ว ผมก็นั่งรถไฟเพื่อจะพาพ่อ-แม่ไป Nezu Shrine
ซึ่งเป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ที่นี่มีสวนดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Azalea ซึ่งจะออกดอกทุกปีในช่วงกลางเมษายนถึงต้นพฤษภาคม ทางศาลเจ้าจึงจัดงานที่เรียกว่า Nezu Shrine Azalea Festival ซึ่งตรงกับช่วงที่ผมไปเที่ยวพอดี
ค่าเข้าชม : 200เยน
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Nezu Exit 1 เลี้ยวซ้าย แล้วเดินตรงไปประมาณ 500เมตร จะเจอซอยทางเข้าสวนครับ
ภาพจาก Hyperdia |
คั๋วเข้าชมสวนดอกไม้ |
ด้านหน้าทางเข้า |
ถ่ายรูปหมู่กันซักหน่อย |
2นิ้วสู้ตาย |
ภายในสวน |
ภายในสวน |
ภายในสวน |
ภายในสวน |
ทางเดินเสาโทริอิ |
ด้านหลังศาลเจ้า มีเทศกาลคล้ายๆงานวัดบ้านเรา มีของกินมากมาย และเกมส์ต่างๆเยอะแยะเลยครับ
ปลาหมึกสดและอร่อยมาก |
มียิงปืนด้วยครับ |
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาพ่อกับแม่นั่งรถไฟกลับที่พักเพราะนอนกันบนเครื่องมาแค่ไม่กี่ชม. ถ้าเที่ยววันแรกเยอะไป อาจจะทำให้ไม่สบายกันได้...
เมื่อถึงที่พัก ก็พักกันประมาณ1ชม. แล้วจึงออกมาเดินสำรวจรอบๆโรงแรมเพื่อหาข้าวเย็นทานกัน
ผมแนะนำให้เดินออกมาหน้าปากซอยของโรงแรม แล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเลี้ยวขวา เดินไปประมาณ 200เมตร ด้านซ้ายจะเป็นถนนโซนร้านอาหารมากมาย เลือกทานได้ตามใจชอบเลยครับ ^^
มื้อเย็น ข้าวหน้าเนื้อย่าง อร่อย ถูก อิ่ม |
เมื่อทานกันจนอิ่มแล้ว จึงเดินกลับที่พักเข้านอน zZzZzZ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น