11 Oct : เดินเล่นหาของกินแถวโรงแรม

ถึง Kansai Airport ประมาณ 06.30น.
สนามบินนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่เราแทบไม่ต้องเดินเลยครับ เพราะเดินออกมาจากเกทที่เครื่องจอดนิดเดียว ก็จะมีรถไฟพาเรามาส่งในตัว Terminal เลย


หลังจากผ่านตม. รับกระเป๋าออกมาด้านนอกแล้ว ให้เราเลี้ยวไปทางซ้ายจะเจอกับ Kansai Tourist Information Center


ให้เดินเข้าไปทางเค้าเตอร์ด้านขวา เพื่อติดต่อขอซื้อ Kansai Amazing Pass 2 Days ราคา 3,000 เยน

ได้ Pass มาละครับ

ปล. บัตร Pass ใบนี้ เราจะใช้ในการเที่ยวในโอซากาวันที่ 12-13 โดยที่เราจะไม่ต้องเสียค่ารถไฟและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแม้แต่เยนเดียวครับ (ยกเว้นค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan)

เมื่อซื้อ Pass เสร็จแล้ว ให้เดินตามป้ายบอกทางที่จะไปขึ้นรถไฟเข้าเมืองครับ

สร้าง Landmark กันนิดนึง

รถไฟที่เราจะนั่งเข้าเมืองจากสนามบินนั้น จะเป็นรถไฟสาย Nankai ครับ ซึ่งเดินออกมาจาก Terminal จะเจอเค้าเตอร์ตามรูป ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋วได้ทางตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติทางด้านขวาครับ

ซื้อที่ตู้กดตั๋วด้านขวาครับ
เส้นทางรถไฟเข้าเมือง
ลองกล้อง+เลนส์ใหม่ซะหน่อย
พ่อหน้าง่วงมากมาย
ส่วนแม่ก็จิ้ม Hayday ตลอดดด ^^

ที่พักของผมในทริปนี้ ผมจองผ่าน Airbnb ซึ่งปกติแล้วผมจะจองผ่าน www.booking.com
แต่เนื่องจากว่าช่วงที่ผมไปโรงแรมได้เต็มกันเกือบหมดแล้ว ผมจึงลองจองผ่าน Airbnb ดูครับ ซึ่งที่พักผมเลือกพักแถวสถานี Nippombashi เพราะใกล้ถนน Dotonbori ซึ่งสามารถหาของกินได้เยอะง่ายมากๆครับ

แต่ข้อเสียข้อนึงของการจองผ่าน Airbnb สำหรับผมในทริปนี้คือ ผมจะไม่สามารถเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อนเวลาเช็คอินได้เหมือนการจองโรงแรมเหมือนทริปที่ผ่านๆมา
ทางเลือกนึงคือลากกระเป๋าไปเดินเล่นด้วย หรืออีกทางเลือกนึงคือ ฝากกระเป๋าไว้ใน Locker Coin ของสถานีรถไฟ ไว้ก่อน แล้วพอตอนที่จะเช็คอิน ค่อยมาเอาออกไปครับ

เมื่อมาถึงสถานี Nippombashi แล้ว ให้ออกทางออก 10 (เพราะมีลิฟท์) แล้วเดินข้ามถนนเพื่อไปเดินเล่นหาข้าวทานแถว Dotonbori Street ครับ

Glico เป็น Landmark ของ Osaka เลยก็ว่าได้
แวะกินทาโกยากิรองท้องซักหน่อย
ใส้ปลาหมึกยักษ์อร่อยมาก

เดินกันไปซักพักครับ ก็ได้เจอกับ ร้านเนื้อย่าง อร่อย แถมราคายังไม่แพงด้วย

ก่อนอื่น ผมขอแปะแผนที่ที่ผมทำขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนๆเข้าใจพิกัดร้านได้ง่ายขึ้นนะครับ


พิกัดร้าน : จากสี่แยก Glico ให้เดินไปทาง Ebisu Suji ไปจนสุดทางให้เลี้ยวซ้าย จะเจอซอยเล็กๆอยู่ทางซ้ายมือ ให้เดินตรงเข้าไป ประมาณ 200-300 เมตร จะเจอร้านนี้อยู่ทางดานซ้ายมือครับ

ถ้ามาจากรถไฟ ลง Namba ทางออก E5 ครับ
ด้านหน้าทางเข้าซอย
รูปด้านหน้าร้าน
Lunch Set ครับ ราคาไม่แพง (ปล.ร้านมีเมนูภาษาอังกฤษด้วยครับ)
หรือจะสั่งเป็นชุดใหญ่ก็คุ้มครับ
จานนี้นุ่มมากกกกก อร่อยสุด
อันนี้ก็อร่อย
คนรักเนื้อห้ามพลาด
อันนี้ราคา 1,250 ไม่ค่อยฟิน ไม่แนะนำคับ
มันสุดยอดมากกกกกกกก
อันนี้ไม่ค่อยฟิน
เริ่มต้นมื้อแรกด้วยดี
พ่อผมขาดไอ้แก้วเหลืองๆนี่ไม่ได้จิงๆ

ค่าเสียหายมื้อนี้ : 3,980 เยน

ไหนๆก็พูดถึงแถวนี้ละ ผมขอพูดถึงร้าน ซูชิในตำนาน ราคา 100 เยนทุกคำเลยละกันครับ
พิกัดร้าน : อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับร้านเนื้อย่างแหล่ะครับ

เข้าในนี้เลยครับ ขึ้นบันไดเลื่อนเล็กๆไปเลย
ขึ้นไปแล้วจะเจอร้านนี้อยู่ด้านขวามือเลย
เวลาเปิด-ปิด
บรรยากาศภายในร้าน
หมุนมาเรื่อยๆเลย

สรุปร้านนี้ : รสชาติถือว่าธรรมดาครับ ใครที่ชอบซูชิอร่อยๆยังไม่แนะนำ แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์กินซูชิแบบญี่ปุ่น แวะไปลองได้ครับ ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง
ค่าเสียหายมื้อนี้  : 756 เยน

แผนที่ร้านเนื้อย่างกับซูชิครับ

หลังจากทานกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเช็คอินเข้าห้องพักซักทีนึง
อยากที่บอกไปก่อนหน้านี้ครับ ว่าผมได้จองผ่าน www.airbnb.com ซึ่งลองดูๆแล้ว ห้องนี้ตอบโจทย์ที่สุดครับ

ราคาห้องพัก : คืนละ 2,500 บาท หาร 3 = คนละ 840 บาท / คืน
พิกัดห้องพัก : จากสถานี Nippombashi Exit 7 เดินตรงอย่างเดียว ผ่านร้านSupermarketร้านใหญ่ จนเจอสี่แยกถนนใหญ่ ให้เดินข้ามถนน(หัวมุมจะมีร้าน Lawson) แล้วให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปนิดเดียวจะเจอแยกให้เลี้ยวขวา (หัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านขายจักรยาน) เดินเข้าซอยไป ที่พักจะอยู่ขวามือครับ

ทางไปห้องพักจากทางออก 7
ด้านหน้า Apartment
มีห้องรับแขก
ห้องนอน
มีครัว (แต่ไม่ได้ใช้)
ห้องน้ำขนาดเท่าโรงแรม
ดีตรงห้องส้วมแยกออกมาต่างหาก
มีนัดทานข้าวกันมื้อนึงด้วย ^^

สรุปห้องพัก :
ข้อดี
- ถือว่าราคาถูกมากกกก เมือเทียบกับโรงแรมทั่วๆไป
- มีพื้นที่ให้วาง+กางจัดกระเป๋าเดินทางได้เต็มที่
- ห้องพักสะอาด ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถึงแม้จะขาดเหลืออะไร ก็สามารถซื้อได้ที่ Supermarket ใกล้ๆที่พักได้เลย
- Location ถือว่าเดินทางสะดวกสบายมากๆ ใกล้รถไฟฟ้า
- เดินจากสถานี Nippombashi exit 7 ประมาณ 5 นาที (ถ้ามีกระเป๋าให้ออกลิฟท์ทางออก10แล้วข้ามถนนมาได้ครับ)
- ใกล้แหล่งของกิน Dotonbori Street
- จากโรงแรม เดินไป Glico Man ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
- ที่สำคัญที่สุด...เจ้าของห้องน่าร้ากกกกกกกมว๊ากกกกกกกกกกกจิงๆ
ข้อเสีย
- Jasmine (เจ้าของห้อง) พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ทำให้สื่อสารกันช้านนิดนึงครับ
- ห้องนั่งเล่นไม่มี Heater ถ้าไปหน้าหนาว อาจจะเย็นไปหน่อย
- ไม่มีจานชามให้ใช้
- ห้องพักบอกว่าพักได้4คน แต่เอาจริงๆผู้ใหญ่3คนก็เต็มแล้ว แต่ถ้าไปเป็นครอบครัวมีเด็กๆ 4คนโอเคครับ
ถ้าเพื่อนๆสนใจ สามารถเข้าไปจองกันได้ที่
https://www.airbnb.com/rooms/7149191?s=27&user_id=43462021&ref_device_id=a926ad7a0908a1e ได้เลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง
ปล. ผมได้แนะให้เค้าแก้ไขข้อเสียแล้ว เค้าบอกว่าจะ Improve ให้ครับ

หลังจากเข้าที่พักแล้ว ก็นอนพักผ่อนกันประมาณ 2ชม.
ผมกับพ่อก็ออกไปหาซื้ออะไรมากินกันในห้องครับ โดยที่ผมได้เล็ง ร้านยากิโซบะ ทางผ่านมาก่อนถึงที่พักไว้แล้ว ดูน่าทานมากๆ

พิกัดร้าน : จากสถานี Nippombashi exit 7 เดินตรงมาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ซ้ายมือ (ถ้าจากที่พัก ก็ให้เดินย้อนกลับมาครับ)

ด้านหน้าร้าน
ทำกันสดๆ
มีโปะไข่ด้วย
มื้อเย็นฟินๆ

สรุปร้านนี้ :
ยากิโซบะ มีเส้นให้เลือก คือเส้นโซบะ กับอุด้ง (ผมชอบโซบะมากกว่า)
มีแบบผัดซอส กบ ผัดเกลือ (อร่อยทั้ง2แบบ)
ทาโกยากิ อร่อยและถูกครับ
ลิ้นวัว อร่อยยยยยยยยยยยย
โดยรวม...ให้ 4/5 ครับ
ค่าเสียหายมื้อนี้  : 2,280 เยน

หลังจากทานจนอิ่มแล้ว ผมก็ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปคนเดียว ส่วนพ่อกับแม่ พักผ่อนอยู่ห้องกันเลยครับ

Dotonbori River
Dotonbori River
Dotonbori Street ยามค่ำคืน
ปิดด้วยไปติมชาเขียว อร่อยมากกกกกกกกก

เดินเล่นจนเมื่อยแล้ว ก็กลับที่พักนอนครับ zZzZzZ

วันพรุ่งนี้ : Osaka Castle, Kaiyukan, Tombori River Cruise (Osaka Amazing Pass)




ไม่มีความคิดเห็น: