สนามบินนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่เราแทบไม่ต้องเดินเลยครับ เพราะเดินออกมาจากเกทที่เครื่องจอดนิดเดียว ก็จะมีรถไฟพาเรามาส่งในตัว Terminal เลย
หลังจากผ่านตม. รับกระเป๋าออกมาด้านนอกแล้ว ให้เราเลี้ยวไปทางซ้ายจะเจอกับ Kansai Tourist Information Center
ให้เดินเข้าไปทางเค้าเตอร์ด้านขวา เพื่อติดต่อขอซื้อ Kansai Amazing Pass 2 Days ราคา 3,000 เยน
ได้ Pass มาละครับ |
ปล. บัตร Pass ใบนี้ เราจะใช้ในการเที่ยวในโอซากาวันที่ 12-13 โดยที่เราจะไม่ต้องเสียค่ารถไฟและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแม้แต่เยนเดียวครับ (ยกเว้นค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan)
เมื่อซื้อ Pass เสร็จแล้ว ให้เดินตามป้ายบอกทางที่จะไปขึ้นรถไฟเข้าเมืองครับ
สร้าง Landmark กันนิดนึง |
รถไฟที่เราจะนั่งเข้าเมืองจากสนามบินนั้น จะเป็นรถไฟสาย Nankai ครับ ซึ่งเดินออกมาจาก Terminal จะเจอเค้าเตอร์ตามรูป ซึ่งเราสามารถซื้อตั๋วได้ทางตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติทางด้านขวาครับ
ซื้อที่ตู้กดตั๋วด้านขวาครับ |
เส้นทางรถไฟเข้าเมือง |
ลองกล้อง+เลนส์ใหม่ซะหน่อย |
พ่อหน้าง่วงมากมาย |
ส่วนแม่ก็จิ้ม Hayday ตลอดดด ^^ |
ที่พักของผมในทริปนี้ ผมจองผ่าน Airbnb ซึ่งปกติแล้วผมจะจองผ่าน www.booking.com
แต่เนื่องจากว่าช่วงที่ผมไปโรงแรมได้เต็มกันเกือบหมดแล้ว ผมจึงลองจองผ่าน Airbnb ดูครับ ซึ่งที่พักผมเลือกพักแถวสถานี Nippombashi เพราะใกล้ถนน Dotonbori ซึ่งสามารถหาของกินได้เยอะง่ายมากๆครับ
แต่ข้อเสียข้อนึงของการจองผ่าน Airbnb สำหรับผมในทริปนี้คือ ผมจะไม่สามารถเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อนเวลาเช็คอินได้เหมือนการจองโรงแรมเหมือนทริปที่ผ่านๆมา
ทางเลือกนึงคือลากกระเป๋าไปเดินเล่นด้วย หรืออีกทางเลือกนึงคือ ฝากกระเป๋าไว้ใน Locker Coin ของสถานีรถไฟ ไว้ก่อน แล้วพอตอนที่จะเช็คอิน ค่อยมาเอาออกไปครับ
เมื่อมาถึงสถานี Nippombashi แล้ว ให้ออกทางออก 10 (เพราะมีลิฟท์) แล้วเดินข้ามถนนเพื่อไปเดินเล่นหาข้าวทานแถว Dotonbori Street ครับ
Glico เป็น Landmark ของ Osaka เลยก็ว่าได้ |
แวะกินทาโกยากิรองท้องซักหน่อย |
ใส้ปลาหมึกยักษ์อร่อยมาก |
เดินกันไปซักพักครับ ก็ได้เจอกับ ร้านเนื้อย่าง อร่อย แถมราคายังไม่แพงด้วย
ก่อนอื่น ผมขอแปะแผนที่ที่ผมทำขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนๆเข้าใจพิกัดร้านได้ง่ายขึ้นนะครับ
พิกัดร้าน : จากสี่แยก Glico ให้เดินไปทาง Ebisu Suji ไปจนสุดทางให้เลี้ยวซ้าย จะเจอซอยเล็กๆอยู่ทางซ้ายมือ ให้เดินตรงเข้าไป ประมาณ 200-300 เมตร จะเจอร้านนี้อยู่ทางดานซ้ายมือครับ
ถ้ามาจากรถไฟ ลง Namba ทางออก E5 ครับ |
ด้านหน้าทางเข้าซอย |
รูปด้านหน้าร้าน |
Lunch Set ครับ ราคาไม่แพง (ปล.ร้านมีเมนูภาษาอังกฤษด้วยครับ) |
หรือจะสั่งเป็นชุดใหญ่ก็คุ้มครับ |
จานนี้นุ่มมากกกกก อร่อยสุด |
อันนี้ก็อร่อย |
คนรักเนื้อห้ามพลาด |
อันนี้ราคา 1,250 ไม่ค่อยฟิน ไม่แนะนำคับ |
มันสุดยอดมากกกกกกกก |
อันนี้ไม่ค่อยฟิน |
เริ่มต้นมื้อแรกด้วยดี |
พ่อผมขาดไอ้แก้วเหลืองๆนี่ไม่ได้จิงๆ |
ค่าเสียหายมื้อนี้ : 3,980 เยน
ไหนๆก็พูดถึงแถวนี้ละ ผมขอพูดถึงร้าน ซูชิในตำนาน ราคา 100 เยนทุกคำเลยละกันครับ
พิกัดร้าน : อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับร้านเนื้อย่างแหล่ะครับ
เข้าในนี้เลยครับ ขึ้นบันไดเลื่อนเล็กๆไปเลย |
ขึ้นไปแล้วจะเจอร้านนี้อยู่ด้านขวามือเลย |
เวลาเปิด-ปิด |
บรรยากาศภายในร้าน |
หมุนมาเรื่อยๆเลย |
สรุปร้านนี้ : รสชาติถือว่าธรรมดาครับ ใครที่ชอบซูชิอร่อยๆยังไม่แนะนำ แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์กินซูชิแบบญี่ปุ่น แวะไปลองได้ครับ ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง
ค่าเสียหายมื้อนี้ : 756 เยน
แผนที่ร้านเนื้อย่างกับซูชิครับ |
หลังจากทานกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเช็คอินเข้าห้องพักซักทีนึง
อยากที่บอกไปก่อนหน้านี้ครับ ว่าผมได้จองผ่าน www.airbnb.com ซึ่งลองดูๆแล้ว ห้องนี้ตอบโจทย์ที่สุดครับ
ราคาห้องพัก : คืนละ 2,500 บาท หาร 3 = คนละ 840 บาท / คืน
พิกัดห้องพัก : จากสถานี Nippombashi Exit 7 เดินตรงอย่างเดียว ผ่านร้านSupermarketร้านใหญ่ จนเจอสี่แยกถนนใหญ่ ให้เดินข้ามถนน(หัวมุมจะมีร้าน Lawson) แล้วให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปนิดเดียวจะเจอแยกให้เลี้ยวขวา (หัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านขายจักรยาน) เดินเข้าซอยไป ที่พักจะอยู่ขวามือครับ
ทางไปห้องพักจากทางออก 7 |
ด้านหน้า Apartment |
มีห้องรับแขก |
ห้องนอน |
มีครัว (แต่ไม่ได้ใช้) |
ห้องน้ำขนาดเท่าโรงแรม |
ดีตรงห้องส้วมแยกออกมาต่างหาก |
มีนัดทานข้าวกันมื้อนึงด้วย ^^ |
สรุปห้องพัก :
ข้อดี
- ถือว่าราคาถูกมากกกก เมือเทียบกับโรงแรมทั่วๆไป
- มีพื้นที่ให้วาง+กางจัดกระเป๋าเดินทางได้เต็มที่
- ห้องพักสะอาด ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถึงแม้จะขาดเหลืออะไร ก็สามารถซื้อได้ที่ Supermarket ใกล้ๆที่พักได้เลย
- Location ถือว่าเดินทางสะดวกสบายมากๆ ใกล้รถไฟฟ้า
- เดินจากสถานี Nippombashi exit 7 ประมาณ 5 นาที (ถ้ามีกระเป๋าให้ออกลิฟท์ทางออก10แล้วข้ามถนนมาได้ครับ)
- ใกล้แหล่งของกิน Dotonbori Street
- จากโรงแรม เดินไป Glico Man ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
- ที่สำคัญที่สุด...เจ้าของห้องน่าร้ากกกกกกกมว๊ากกกกกกกกกกกจิงๆ
ข้อเสีย
- Jasmine (เจ้าของห้อง) พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ทำให้สื่อสารกันช้านนิดนึงครับ
- ห้องนั่งเล่นไม่มี Heater ถ้าไปหน้าหนาว อาจจะเย็นไปหน่อย
- ไม่มีจานชามให้ใช้
- ห้องพักบอกว่าพักได้4คน แต่เอาจริงๆผู้ใหญ่3คนก็เต็มแล้ว แต่ถ้าไปเป็นครอบครัวมีเด็กๆ 4คนโอเคครับ
ถ้าเพื่อนๆสนใจ สามารถเข้าไปจองกันได้ที่
https://www.airbnb.com/rooms/7149191?s=27&user_id=43462021&ref_device_id=a926ad7a0908a1e ได้เลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง
ปล. ผมได้แนะให้เค้าแก้ไขข้อเสียแล้ว เค้าบอกว่าจะ Improve ให้ครับ
หลังจากเข้าที่พักแล้ว ก็นอนพักผ่อนกันประมาณ 2ชม.
ผมกับพ่อก็ออกไปหาซื้ออะไรมากินกันในห้องครับ โดยที่ผมได้เล็ง ร้านยากิโซบะ ทางผ่านมาก่อนถึงที่พักไว้แล้ว ดูน่าทานมากๆ
พิกัดร้าน : จากสถานี Nippombashi exit 7 เดินตรงมาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ซ้ายมือ (ถ้าจากที่พัก ก็ให้เดินย้อนกลับมาครับ)
ด้านหน้าร้าน |
ทำกันสดๆ |
มีโปะไข่ด้วย |
มื้อเย็นฟินๆ |
สรุปร้านนี้ :
ยากิโซบะ มีเส้นให้เลือก คือเส้นโซบะ กับอุด้ง (ผมชอบโซบะมากกว่า)
มีแบบผัดซอส กบ ผัดเกลือ (อร่อยทั้ง2แบบ)
ทาโกยากิ อร่อยและถูกครับ
ลิ้นวัว อร่อยยยยยยยยยยยย
โดยรวม...ให้ 4/5 ครับ
ค่าเสียหายมื้อนี้ : 2,280 เยน
หลังจากทานจนอิ่มแล้ว ผมก็ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปคนเดียว ส่วนพ่อกับแม่ พักผ่อนอยู่ห้องกันเลยครับ
Dotonbori River |
Dotonbori River |
Dotonbori Street ยามค่ำคืน |
ปิดด้วยไปติมชาเขียว อร่อยมากกกกกกกกก |
เดินเล่นจนเมื่อยแล้ว ก็กลับที่พักนอนครับ zZzZzZ
วันพรุ่งนี้ : Osaka Castle, Kaiyukan, Tombori River Cruise (Osaka Amazing Pass)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น