04 May : Meiji Shrine, Shibuya, Odaiba

วันนี้ออกกันเช้าหน่อย เพราะเรามีโปรแกรมเที่ยวหลายที่เลยทีเดียว
สถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ Meiji Shrine
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้อันร่มรื่นเขียวขจี ท่ามกลางเมืองใหญ่อย่างย่านชินจูกุและชิบูย่า มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนกันตลอดทั้งปี นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่คนนิยมมาสวดมนต์ขอพรในช่วงปีใหม่แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่แต่งงานตามแบบประเพณีญี่ปุ่นโบราณที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานกันอีกด้วย 

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Meiji-Jingumae(F15) exit 2

ถาพจาก Hyperdia
ด้านหน้าทางเข้า


พ่อเดินไม่รอแม่เลย 55
ศาลเจ้าMeijiครับ
มีงานแต่งงานกันด้วยครับ
พ่อกำลังเขียนขอพร
แม่ก็เขียนขอด้วยครับ

หลังจากไหว้พระขอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มื้อเช้าของเราวันนี้ มีเป้าหมายอยู่ที่ Midori Sushi ซูชิอร่อยๆอีกร้านในโตเกียว อยู่ใกล้ๆกับสถานี Shibuya
พิกัดร้าน : ให้สบตากับรูปปั้นฮาจิโกะ ในระยะที่สบตากันได้ แล้วเหลือบมองไปทางซ้ายมือ จะเป็นตึกตรงข้ามถนน นั่นคือตึก Mark City ร้านจะอยู่ที่ชั้น 4

ภาพจาก Hyperdia

แต่เมื่อมาถึงร้าน ปรากฎว่าคิวยาวมากกกกกกกกกกก ผมจึงต้องจำใจเปลี่ยนไปหาข้าวเช้าที่ร้านอื่นกินแทน เดินไปจนทะลุถนนด้านหลังห้าง เจอร้านสเต๊กกับเบอร์เกอร์ร้านนึงเลยลองแวะทานดู(ไม่มีรูปหน้าร้านนะครับ)

อิ่มและอร่อยจิงๆ
ชุ่มมากๆ

หลังจากกินเสร็จแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาถ่ายรูปที่5แยกชิบุย่ากันนิสนึง

5แยกอันโด่งดัง
ฮาจิโกะ

และแล้วก็ได้เวลา ที่เราจะเดินทางข้าม(แม่)น้ำ ไปยังเมือง Odaiba
Odaiba เป็นเกาะรวมความบันเทิงต่างๆของเมืองโตเกียว และเป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง โดยการนำดินทรายมาถมทะเลให้เกิดขึ้นเป็นเกาะขึ้นมา ตั้งแต่ปีค.ศ. 1850
เกาะนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และศักยภาพของคนญี่ปุ่น ที่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงสถานี Shimbashi (G8) แล้วเปลี่ยนมานั่งรถไฟสาย Yurikamome เพื่อตรงเข้าสู่ Odaiba



ภาพจาก Hyperdia
ภาพจาก Hyperdia
วิวจากรถไฟฟ้าเข้า Odaiba
วิวจากรถไฟฟ้าเข้า Odaiba
พ่อถ่ายวีดีโอใหญ่เลย
คนแน่นมากจริงๆ

ปล.ต้องขอบคุณกล้อง Xiaomi พร้อมไม้เซลฟี่ ที่ผมใช้ยื่นออกไปถ่ายรูปริมหน้าต่างได้ชัดขนาดนี้ อิอิ

ขออนุญาติผมพูดถึง Odaiba ในความคิดของผมนิดนึงนะครับ...
เอาจริงๆแล้ว ควรจะมีเวลาเดินเล่นใน Odaiba ซักประมาณครึ่งวัน (4-6ชม.) เพราะที่นี่ห้างค่อนข้างเยอะ จุดถ่ายรูปก็มีหลายที่เลยทีเดียว 
ถ้าพูดถึงขนาดของเมือง Odaiba แล้ว จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก...
ถ้าสำหรับวัยรุ่นที่สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวันแล้ว ก็สามารถซื้อตั๋วแบบเป็นเที่ยวเดียว นั่งรถไฟไปลงแค่ Odaiba-Kaihinkoen ป้ายเดียว แล้วก็สามารถเดินเที่ยวทั่วเกาะเลยได้ (แต่อาจต้องใช้แรงและเวลาเยอะหน่อย)
แต่สำหรับคนที่ขี้เกียจเดิน หรือพาผู้ใหญ่ไปด้วยแบบผมแล้ว แนะนำให้ซื้อตั๋ว One Day Pass ราคา 820เยนครับ จะสามารถขึ้นๆลงๆรถไฟภายใน Odaiba ได้โดยไม่จำกัดเที่ยว จะช่วยประหยัดเวลาและแรงเที่ยวของเพื่อนๆได้ครับ


ตั๋ว One Day Pass

สถานีแรกที่เราจะไปลงคือ Odaiba-Kaihinkoen
ที่นี่จะมีห้าง Deck ให้เดินเลือกซื้อของได้มากมาย ด้านข้างของห้าง จะเป็นชายหาด สามารถที่จะเดินเล่นได้ครับ และเดินทะลุไปทางด้านหลังห้าง Deck จะมีห้าง Aqua City ห้างใหญ่อีกห้างนึง(ช้อปปิ้งกันสนุกเลยครับ 555)
ด้านหลังห้าง Aqua City จะมี1สัญลักษณ์ของ Odaiba นั่นก็คือ เทพีเสรีภาพจำลอง 


เทพีเสรีภาพจำลอง

ถ่ายรูปเสร็จแล้ว สำหรับวัยรุ่นอย่างเราๆ สามารถที่จะเดินข้ามไปที่ห้าง Diver City เพื่อไปชม กันดัมยักษ์ อีก1สัญลักษณ์ของ Odaiba ได้เลย
แต่ผมซื้อ One Day Pass มาเพื่อย่นระยะเดินให้พ่อกับแม่ โดยการที่นั่งรถไฟจากสถานี Daiba ไปลงสถานี Aomi ที่นี่จะมีห้าง Palette Town (ใครอยากช้อปอีก ก็ได้ตามใจเลยนะครับ) แต่จากห้างนี้ สามารถเดินย้อนกลับไปหา กันดัมยักษ์ ได้ไม่ไกลเท่าไหร่ครับ


ด้านหน้า(เดินลอดใต้ขาได้นะครับ)
ด้านหลัง
แช๊ะรูปคู่ซักหน่อย

ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้าง หาข้าวเที่ยงทานกันครับ ชั้น1ทางเข้าห้างมี Food Court อาหารหลากหลายเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ ^^

หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว(ประมาณบ่าย3กว่าๆ ก็เดินย้อนกลับไปที่ห้าง Palette Town เพื่อไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ ครับ
ปล.ชิงช้าสวรรค์ ถ้าไปเกิน4คน สามารถซื้อตั๋วกรุ๊ปได้ จะคุ้มกว่าซื้อตั๋วเดี่ยวๆนะครับ

ระหว่างต่อคิวซื้อตั๋ว
สูงล่ะสิ อิอิ
วิวจากยอดชิงช้า

หลังจากเดินเล่นช้อปปิ้งกันจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลากลับที่พักของเราซักที โดยนั่งรถไฟจากสถานี Aomi กลับสถานี Shimbashi แล้วนั่งรถไฟใต้ดินกลับ Ikebukuro ครับ

ระหว่างทางเดินกลับโรงแรม พ่อกับแม่ผมอยากกลับโรงแรมก่อน ผมจึงได้แวะทานข้าวหน้าปลาดิบกันก่อน แล้วจึงค่อยกลับโรงแรมตามพ่อกับแม่ไปครับ

รูปหน้าร้าน (ยืมรูปจากสาขาUenoมาครับ แต่ที่ Sunshine Shopping Street ก็มีสาขา)


เมื่อกลับถึงโรงแรมแล้ว ก็นั่งพักผ่อนแป๊บนึง แล้วจึงออกมาหาอะไรทานเป็นเพื่อนพ่อ (ส่วนแม่ขอนอนอยู่ห้องครับ กินดึกทุกวันกลัวอ้วน อิอิ)
ตอนแรกพ่อผมอยากกลับไปกินร้าน Yayoiken แต่ว่าคนเยอะมากกกกก ผมและพ่อจึงตัดสินใจที่จะลองร้านใหม่ ก็คือร้านที่อยู่ติดๆกับร้าน Yayoiken (น่าจะชื่อร้าน Hot Pepper นะครับ)เป็นร้านปิ้งย่างแบบญี่ปุ่นแท้ (ไม่มีรูปหน้าร้านนะครับ แต่ขอแปะแผนที่คร่าวๆให้ดูแทนอีกที)
(สามารถขอเมนูภาษาอังกฤษได้นะครับ)

ปล. web site ของร้านครับ http://www.hotpepper.jp/strJ000727979/?vos=cphppsocface20110701001
ปล.2 ในร้านอนุญาตให้สูบบุหรี่นะครับ ต้องระวังกลิ่นบุหรี่กันนิดนึง

พิกัดร้าน
ปิ้งย่างพร้อมเบียร์
กับ Asahi Premium

ทานกันพอกรึ่มๆแล้วก็กลับโรงแรมนอนครับ หลับสบายเลยที่เดียว zZzZzZ

พรุ่งนี้ : พักผ่อน, Shoppinggggggggggggggggggggggg








ไม่มีความคิดเห็น: