22 Feb : เที่ยวเกียวโต ; Fushimi Inari Shrine,ข้าวหน้าปลาไหล, ป่าไผ่ Arashiyama, เดินเล่นยามค่ำคืน

วันนี้เราก็ต้องตื่นเช้ากันอีกวันนึงครับ เพราะต้องทำเรื่องเช็คเอ้าท์จาก New Osaka Hotel และฝากกระเป๋าใหญ่ไว้กับโรงแรม สะพายเป้ใบเดียวเที่ยว ไปนอนเกียวโต...
จริงๆแล้วเราสามารถเที่ยวเกียวโตแบบไปเช้า-เย็นกลับได้นะครับ เพราะนั่งรถไฟไปแค่43นาที
แต่เนื่องจากผมไม่สามารถหาโรงแรมพักคืนวันนี้(วันที่22)ในโอซากาได้เลย
ผมเลยตัดสินใจที่จะไปนอนเกียวโตคืนนึงแทน และจะได้มีเวลาเที่ยวเกียวโตมากขึ้นอีกด้วย

ภาพจาก Hyperdia

เมื่อมาถึงสถานีเกียวโตแล้ว ให้เราเดินเข้าไปหา Tourist Information Center ปรึกษากับจนท.ได้เลยว่าเรามีเวลาเที่ยวเท่าไหร่ แล้วเราอยากจะไปเที่ยวที่ไหนในเกียวโตบ้าง?
จนท.จะอธิบายวิธีการเดินทางให้อย่างละเอียด ซึ่งเราสามารถเที่ยวตามได้เลยครับ

ในทริปนี้ ผมแพลนสำหรับ2วันไว้ว่าจะไปเที่ยว..."ปราสาทนิโจ, วัดทอง, วัดน้ำใส, ศาลเจ้าFushimi Inari Shrine, และป่าไผ่อาราชิยาม่า"
(ซึ่งจิงๆแล้วสามารถเพิ่มที่เที่ยวได้อีก แต่ผมอยากเที่ยวชิวๆ เลยเอาแค่นี้พอครับ)

จนท.จึงจัดตารางให้ผมดังนี้...

วันแรก(ครึ่งบ่าย)..."ศาลเจ้าFushimi Inari Shrine" กับ "ป่าไผ่อาราชิยาม่า" และ เดินเล่นยามค่ำคืนแถว "Gion"
วันที่สอง..."ปราสาทนิโจ, วัดทอง, วัดน้ำใส"

ปล. ผมได้ซื้อบัตร Kyoto Bus Pass (500เยน) ที่จะใช้วันพรุ่งนี้ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เลยครับ

หลังจากที่ผมได้ปรึกษาเรื่องแพลนเที่ยวกับจนท.เสร็จแล้ว ผมจึงได้เอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม แต่...ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากกก!!!
เพราะผมอ่านในรีวิวก่อนไปว่า ใช้เวลาเดินไปโรงแรมประมาณ10-15นาทีจากสถานีเกียวโต แต่จิงๆแล้ว...ใช้เวลา15-20นาทีเลยทีเดียว
เดินไป-กลับก็เกือบชม.แล้ว ซึ่งจิงๆผมน่าจะฝากกระเป๋าไว้ในตู้ Locker ที่สถานีแล้วเที่ยวเลยมากกว่า เสียเวลาเที่ยวไปเยอะเลย T^T

แผนที่ทางไปโรงแรม

แต่เมื่อมาถึงโรงแรม Highland Shimabara (Guest House In Kyoto)
ผมก็เกิดความประทับใจเป็นอย่างมากครับ
เพราะห้องที่กว้างขวาง(มากกกกก) ห้องอาบน้ำและห้องน้ำที่แยกกัน เตียงใหญ่และสบาย มีคอมพิวเตอร์ มีเครื่องครัวให้ใช้ด้วย
ผมโชคดี จองได้ห้องราคาแค่ 1,760บาท/คืน เท่านั้น

ทางเข้าห้อง
เตียงนอนใหญ่มากๆ
ห้องน้ำกว้างขวาง

หลักจากที่นั่งพักและทำธุระส่วนตัวที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว
ผมจึงเดินกลับไปที่สถานีเกียวโต (ใครที่ซื้อบัตร 1 day bus เที่ยวก็สามารถนั่งรถเมล์กลับสถานีได้เลยครับ ไม่ต้องเดิน) แล้วจึงเริ่มเที่ยวตามแพลนที่วางไว้

วันนี้ เราจะไปแค่ "Fushimi Inari Shrine" กับ "ป่าไผ่อาราชิยาม่า"
ซึ่ง2ที่นี้สามารถนั่งรถไฟท้องถิ่นไปได้เลย ไม่ต้องนั่งบัส ผมจึงยังไม่ใช้ "Kyoto 1day bus pass" (500เยน)

ที่แรกที่เราจะไปคือ Fushimi Inari Shrine (จาก Kyoto Station นั่งรถไฟมาลงสถานี Inari)

แต่...เดี๋ยวก่อนนนนน!!!
ถ้าไปถึงที่นี่แล้ว อีก1อย่างที่พลาดไม่ได้คือ "ข้าวหน้าปลาไหล " ร้านป้าที่บอกได้คำเดียวเลยว่า..."โคตรอร่อยยยยย!!!"

พิกัดร้าน : เดินออกมาจากสถานี Inari แล้วให้เดินเลี้ยวไปทางซ้าย เดินไปจนถึงทางแยก ร้านจะอยู่หัวมุมทางซ้ายมือ

ด้านหน้าร้าน
ย่างกันสดๆร้อนๆ
ภายในร้าน (มีชั้น2ด้วยนะครับ)
อร่อยยยยมากกกก
ซูซิซาบะดองน้ำส้ม เปรี้ยวๆอร่อยดีครับ
อินาริซูชิ (ซูชิเต้าหู้)
อูด้งเต้าหู้

บอกเลยว่าร้านนี้ เป็นร้านข้าวหน้าปลาไหล ที่ผมว่าอร่อยที่สุดตั้งแต่ผมทานที่ญี่ปุ่นมาละครับ
เนื้อปลาไหลเด้งมาก กลิ่นหอมสุดๆ ไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยมากกก เอาหัวเป็นประกันเลยครับ ^^

หลังจากกินข้าวหน้าปลาไหลเสร็จ ก็ได้เวลาที่จะเข้าชม Fushimi Inari Shrine ซะที

ด้านหน้าศาลเจ้าครับ
สามารถทำบุญได้ครับ
เขียนขอพร
สัญลักษณ์ของศาลเจ้าครับ
ทางเดินเสาโทริอิ
มุมบังคับที่ต้องถ่ายกันทุกคน
เจอคนกำลังเขียนเสาร์ระหว่างทางเดิน
วิวจากยอดเขา

ศาลเจ้าที่อยู่บนสุดของยอดเขา เค้าบอกว่าถ้ามาขอพรที่นี่แล้วจะสมหวัง (มีคนท้องโตขึ้นมาขอพรด้วยนะครับ)
แต่...กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ต้องเดินขึ้นเขาอย่างน้อยเกือบชม.(เหนื่อยและเมื่อยมาก)



สำหรับภูเขาในศาลเจ้านั้น...ถ้าใครมีเวลาและอยากออกกำลังกาย ก็สามารถเดินให้ครบรอบได้นะครับ (แต่ใช้เวลาเกือบ2ชม.)
ถ้าให้ผมแนะนำ...อย่าเลยคับ เอาเวาลาไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า เฮ้อออออ T^T

เมื่อเดินรอบเขากันจนเหนื่อยแล้ว ก็นั่งรถไฟย้อนกลับไปที่สถานีเกียวโต เพื่อจะเปลี่ยนรถไฟอีกสายไป "ป่าไผ่อาราชิยาม่า" (Path of Bamboo)

สถานี "Saga Arashiyama"
แผนที่ทางเดินไปป่าไผ่จากสถานีรถไฟ "Saga Arashiyama"
ทางเข้าป่าไผ่
สวยมากๆ
สูงใหญ่อลังการมากๆ
ขอถ่ายรูปคู่ซักหน่อย

ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ให้เดินย้อนออกมาตรงทางเข้าป่าไผ่ แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปจะเจอสะพาน โทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo)
เป็นสะพานที่อยู่ในเมืองอาราชิยามา โดยสร้างเป็นสะพานไม้เสริมคอนกรีตตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 เป็นอีกจุดหนึ่งที่ขึ้นชื่อในการมาชมทิวทัศน์ ทั้งในฤดูใบไม้ผลิ(ซากุระ) และ ฤดูใบไม้ร่วง(ใบไม้เปลี่ยนสี)
แต่...ตอนผมไปใบไม่ร่วงหมดละ ฮือออออออ

สะพานโทเง็ตสึเคียว

หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว ผมจึงตัดสินใจที่จะลองนั่งรถบัส เพื่อที่จะตรงไปเดินเล่นแถว "Gion"
ที่นี่เป็นย่านที่เป็นแหล่งบันเทิงยามกลางคืน แถวนี้บ้านเรือนจะเป็นแบบโบราณใช้เป็นทั้งห้องอาหาร ร้านน้ำชา และภัตตาคาร ที่ส่วนใหญ่มีเกอิชาไว้คอยรับรับ และบริการแขก
แต่ตอนผมไปเดินก็เฉยๆนะ ไม่เห็นเหมือนสีลมบ้านเราเลย 555

ตรอกเล็กๆแลดูเงียบสงบ
ร้านอาหาร

เดินเล่นจนเมื่อยแล้ว ก็ได้เวลาหาข้าวเย็นทาน ซึ่งผมฝากท้องไว้กับร้าน Coco แกงกะหรี่
ผมว่ารสชาติเค้าเข้มข้นและให้ปริมาณเยอะกว่าไทยนะ...สรุป...ผมว่าอร่อยกว่าไทยครับ

เมื่อทานของคาวเสร็จแล้ว ก็ต้องตบท้ายด้วยการหาของหวานกินก่อนเข้านอน...
เดินไปเดินมา ผมเจออยู่ร้านนึงครับ ไม่มีรูปหน้าร้านครับ แต่ภายในร้านเป็นเอกลักษณ์มากๆ
ชื่อร้าน " KaraFuneya Coffee "

ตู้โชว์เมนูของหวานทั้งหมด
ไอติมวัฟเฟิล อร่อยมากกกก
ไอติมแพนเค้ก อร่อยเช่นกัน
เจ้มจ้นฝุดๆ

กินของหวานเสร็จแล้ว ก็นั่งรถไฟกลับสถานีเกียวโต แล้วเดินกลับโรงแรม นอนพักผ่อนครับ zZzZzZ

ปิดท้ายคืนนี้ด้วยรูป Kyoto Tower

วันพรุ่งนี้ : เที่ยวเกียวโต ; ปราสาทนิโจ, วัดทอง, ข้าวหน้าเทมปูระ, วัดน้ำใส


1 ความคิดเห็น:

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต กล่าวว่า...

ข้าวหน้าปลาไหลน่ากินมากครับ เห็นแล้วหิวเลย ขอบคุณมากครับ ^^